เราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า และสามารถเข้าถึงได้อย่างง่าย ๆ เกือบทุกพื้นที่ จนเกิดการเปลี่ยนรูปแบบของซื้อ-ขายสินค้าผ่านหน้าร้าน มาเป็นการซื้อ-ขายผ่านสื่อออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีการกระจายตัวกลุ่มผู้ค้าในโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบนสื่อเฟซบุ๊ก เนื่องจากมีความสะดวก ความประหยัดในการลงทุนเปิดร้าน ทำให้ผู้ค้าไม่ต้องไปเช่าพื้นที่เปิดร้าน เพียงแค่ทำการโพสต์สินค้าบนเฟซบุ๊กก็สามารถได้เงินจากการขายสินค้าแล้ว ทั้งนี้ ยังให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า ไม่ต้องเดินทางตากแดด ตากฝนไปซื้อสินค้า เพียงแค่คลิก Linkshipper ก็จะได้สินค้าที่ต้องการ และมีสินค้ามาส่งถึงบ้าน และถ้าคุณอยากขายสินค้าออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง?
1. สร้างความประทับใจแรกให้เป็นของเรา
ความประทับใจแรกเริ่มได้จากการออกแบบหน้าเว็บให้มีความสวยงาม แสดงรูปภาพสินค้าให้มีความน่าสนใจ บอกรายละเอียดของสินค้าด้วยคำบรรยายที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า คุณจริงใจกับเขานะ ไม่ได้มาหลอกให้เสียเงินฟรี หรือแม้แต่คำจำกัดความร้านค้าของคุณเอง ควรเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา และเพื่อให้ลูกค้าสะดวกมากยิ่งขึ้นในการค้นหาสินค้า ควรกำหนดรูปแบบการใช้งานให้เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน หรือมีหลายขั้นตอนมากนัก
2. อยู่แถวหน้าให้ได้
ในการค้นหาสินค้า ก็คล้ายๆ กับเวลาเราค้นหาในกูเกิ้ล เพราะฉะนั้นหากชื่อแบรนด์ของเราขึ้นมาเป็นอันดับแรกในการค้นหา นั่นถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ซึ่งเทคนิคอยู่ที่การตั้งชื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง อาจชูจุดเด่นที่ราคาถูก หรือสินค้าที่ไม่มีใครเหมือน หมั่นสร้างตัวตนตามเว็บไซต์ เว็บบอร์ด หรือบล็อกต่างๆ อยู่เสมอเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารู้จักเรามากยิ่งขึ้น
3. ช่วงเวลาในการโพสต์
การโพสต์ในช่วงวันธรรมดาที่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตไปกับการทำงาน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโพสต์จะมีอยู่ 2 ช่วงเวลาด้วยกันก็คือ
-ช่วงเที่ยง คือตั้งแต่ 11:00 – 13:00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่พักเบรคทานข้าว พักผ่อนจากการทำงาน ก็ทำให้มีเวลาที่แฟนเพจจะแว๊บเข้ามาเล่นเฟซบุ๊ค เลื่อนฟีดไปมาซักสองสามที
-ช่วงเย็น คือตั้งแต่ 19:00 – 21:00 น. เป็นช่วงเวลาเลิกงาน กำลังนั่งรถกลับบ้าน หรือถึงบ้านแล้ว ก็มีเวลาที่แฟนเพจจะนั่งเล่น นอนเล่นเฟซบุ๊คได้มากขึ้นนั่นเอง
ส่วนการโพสต์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ คนส่วนใหญ่ก็จะหยุดงาน ทำให้มีเวลานั่งเล่นเฟซบุ๊กมากขึ้น เพราะฉะนั้นการโพสต์ก็สามารถโพสต์ได้ทั้งวัน แต่ก็ไม่ควรเช้าจนเกินไป ซึ่งช่วงเวลาที่แนะนำก็จะเป็นตั้งแต่ 10:00 – 22:00 น.นั่นเองค่ะ
ช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการโพสต์คือ หลัง 22:00 น. เป็นต้นไป เพราะมันจะทำให้ฟีดของคุณไม่ได้รับการมองเห็น
4. สั้น กระชับ ชัดเจน
ในการโพสต์ข้อความขายสินค้า ไม่ควรใส่เนื้อหาที่มากเกินไป แต่ควรเลือกโพสในสิ่งที่จำเป็นต่อลูกค้า เช่น ชื่อสินค้า, คำบรรยายสั้นๆ, รหัสสินค้า, ราคา และเบอร์ที่สามารถติดต่อได้ เพื่อให้ลูกค้าทราบรายละเอียดของสินค้าในเบื้องต้น และหากเขามีความสนใจ เขาจะอยากที่จะทราบรายละเอียดเพิ่มเติมกับเราเอง
5. ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะด้วยคำถามใดๆ ก็ตาม สิ่งที่ลูกค้า และเว็บต้นขั้วอยากเห็นจากเรานั่นคือ “การตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง” แล้วถ้าเราสามารถทำให้เร็วกว่านั้นล่ะ คิดดูว่าลูกค้าจะพึงพอใจเราขนาดไหน ซึ่งในปัจจุบันหลายเว็บ พัฒนาช่องทางการสื่อสาร โดยเปิดหน้าต่างแชทให้เราได้พูดคุยกับลูกค้าได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เราใส่ข้อมูลที่จำเป็น อย่าง ไลน์ ได้อีกด้วย
6. ให้ความสำคัญกับหีบห่อ
สมัยนี้บ้านเราพัฒนาการส่งไปไหนต่อไหน เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่โทษระบบการขนส่ง แต่จงทำหีบห่อให้น่าสนใจ อย่าลืมว่า First Impression เป็นเรื่องที่จำเป็นเสมอ ใครจะไปรู้ แค่กล่องน่ารักๆ อาจถูกใจลูกค้าจนอยากกลับมาซื้ออีกก็ได้ และจงอย่าขี้เหนียวกับเรื่องกันกระแทก หรือวัสดุที่จะช่วยให้สินค้าภายในปลอดภัยจากการโยน หรือกดทับ และที่สำคัญอย่าลืมใส่ใจเรื่องชื่อให้ชัดเจนทั้งผู้ส่งและผู้รับ
7. สร้างความน่าเชื่อถือ
ตรวจสอบเว็บที่เราใช้บริการในการเปิดร้านว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างไร ระบบการชำระเงินมีความปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงควรสร้างนโยบายรับประกันสินค้าเพื่อที่จะการันตีให้ลูกค้าได้ว่า สินค้าที่เขาซื้อนั้นมีคุณภาพสมกับราคา และมั่นใจว่าจะส่งถึงมือเขาอย่างแน่นอน
8. อัพเดตความเคลื่อนไหวอยู่เสมอ
แม้จะไม่มีสินค้าคอลเล็คชั่นใหม่ออกวางตลาด แต่การอัพเดตทำให้ลูกค้ารู้ว่าเรายังเปิดการขายอยู่เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำให้ลูกค้าทราบว่าเรายังไม่เลิกกิจการ ยังแสดงออกถึงความใส่ใจในการให้บริการทั้งหลังการขาย และก่อนการขายซึ่งทำได้โดยสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสินค้า การให้ความรู้ หรือการรีวิวต่างๆ เป็นต้น
9.วางแผนเนื้อหาที่จะโพสในแต่ละวัน
เมื่อคุณขายของออนไลน์ ไม่ว่าจะทำเป็นรายได้เสริมหรือทำแบบเต็มตัว หากคุณอยากให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นจะต้องมีวินัยในการโพส การจัดตารางการโพสทุกๆ สัปดาห์และตั้งค่าการโพสอัตโนมัติให้เวลาตรงกับเวลาที่กลุ่มลูกค้าของคุณออนไลน์ จะทำให้โพสของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคนิคคือ การจัดตารางการโพสรายเดือนจะทำให้วินัยคุณดีขึ้น และจะช่วยให้คุณวางแผนแคมเปญสำหรับวันพิเศษต่างๆ ได้อย่างไม่ตกหล่นอีกด้วย การทำแบบนี้อาจจะทำให้การขายของออนไลน์ของคุณกลายเป็นเรื่องสนุกไปเลยก็ได้
10.กระตุ้นให้ลูกค้าหรือแฟนเพจมีส่วนร่วมกับโพสหรือกิจกรรมของเพจอยู่เสมอๆ
การกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ บนเพจเฟสบุ๊กของคุณ เช่น การประกวดถ่ายภาพรีวิวสินค้า จะช่วยสร้างฐานแฟนเพจและผู้ติดตามเพจให้กับคุณ และยังสามารถช่วยส่งเสริมการตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย พูดได้ว่า ยิ่งลูกค้าของคุณรู้จักและคุ้นเคยกับเพจเฟสบุ๊คหรือแบรนด์ของคุณมากเท่าไหร่ เขาก็จะสามารถตัดสินใจซื้อของจากคุณได้ง่ายขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง